จักรภพ เพ็ญแข - รายการจุดเปลียน "จัดกระบวนทัพประชาชน" 27 มีนาคม 2557

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

"กวีปราบกบฏ" หนังสือใหม่ของ "วัฒน์ วรรลยางกูร"


ปกหน้า

คำนิยมของ จักรภพ เพ็ญแข


ผมเห็นความคล้ายคลึงบางอย่างระหว่าง วัฒน์ วรรลยางกูร กับ ทักษิณ ชินวัตร

ไม่ใช่ในฐานะทางการเงินที่ออกจะแตกต่างกัน ไม่ใช่ความสนใจทางการเมืองในระบบเลือกตั้งที่คนหนึ่งกลายเป็นนักการเมืองอาชีพและอีกคนหนึ่งคงความเป็นนักเขียนและกวีอาชีพตราบจนปัจจุบัน ไม่ใช่ในการต่อสู้ทางการเมืองในช่วงปี พ.ศ.๒๕๑๙ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง ที่คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อีกคนหนึ่งหลบเข้าไปศึกษาวิชาปฏิวัติต่อเนื่องในป่าสูง หากแต่คือความเป็นมนุษย์นอกระบบอุปถัมภ์ ซึ่งทำให้คนหนึ่งนำชาติมาคืนสู่ประชาชนผ่านนโยบายต่างๆ อันยังประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีอำนาจต่อรองน้อยที่สุด โดยไม่ครั่นคร้ามต่อเจ้าพ่อมาเฟียและระบอบมาเฟียที่เลื่้อยคลานขวางอยู่ และอีกคนหนึ่งก็เขียนงานนิพนธ์อันต่อเนื่องมาจากปริญญาแห่งป่าเขา โดยไม่หันหาหนทางอันง่ายกว่า สะดวกกว่า และเห็นแก่ตัวยิ่งกว่า จนทำให้ฉายภาพวงในและสังคมพิกลพิการของไทยได้แจ่มชัด ทั้งที่คนทั้งสองต่างก็ไม่รู้จักกัน นี่เป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งว่า คนไทยผู้ไม่ตอแหลสามารถเคลื่อนพลมารวมกันได้โดยไม่ต้องนัดหมาย เพื่อฟาดฟันกับระบอบตอแหลแห่งชาติที่คอยบีบบังคับคนไทยให้ท่องคาถาไตรสรณคมน์ทางการเมือง ราวกับว่าสังคมไทยไหลอยู่ในกระแสเดียว...  

“...ผักตบกระจับน้อยลอยตามแหน 
ตามกระแสวูบคล้อยลอยถลา
ถลำหันถลันหวนลอยทวนมา  
หวั่นไหวว้า วกว้าง หว่างเวียนวน
กลางกระแสสายนทีมีหินผา  
เต็มอุราต้านรับแรงสับสน
กี่กระแสเปลี่ยนผ่านพิการพิกล  
หินแกร่งทนแน่นหนักหลักศิลา
ศึกกระแสแห่หามน้ำเชี่ยวหลาก 
คอยดึงลากไร้หลักจักผวา
เมื่อปักหลักแน่นตรึงย่อมถึงครา 
กระแสว้าวุ่นเวียนเปลี่ยนทิศพลัน
ผักตบขยะสวะจอกแหน  
ลอยเป็นแพจักไปทางไหนนั่น
กระแสเผด็จการสู่ทางตัน  
พ่ายกระแสสร้างสรรค์ประชาธิปไตย”



ปกหลัง


วัฒน์ วรรลยางกูร เลือกสู้ในขบวนประชาธิปไตยมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขากลายมาเป็นวรรณศิลปินที่ยังเลือกอยู่ข้างประชาชน ทั้งที่ข้างตัวเหลือบประเทศนั้น เขาเอื้ออำนวยทุกอย่างให้ได้มากกว่า จนเราเห็นศิลปินทั้งจริงและปลอมมากมาย ไหลเลื้อยกันไปเป็นขี้ข้าม้าครอกของเหลือบอย่างชนิดกลัวตกรถ เขาเป็นศิลปินที่เลือกแล้วว่าจะไม่อยู่บ้านพ่อหรือบ้านใครทั้งนั้น แต่จะอยู่ บ้านกู เพียงสถานเดียว เวลาได้พิสูจน์แล้วว่า วัฒน์ วรรลยางกูร คิดอย่างไร ทำอะไร และจะทำอะไรต่อไป...

“...นกเป็นน้ำเนืองนองแนบน่านน้ำ 
รำวารีลอยเร่เหินเวหน
บัวบานเรียงรายเรียบชายชล  
ดวงกมลสีชมพูดูตื่นตา
สุดขอบฟ้าฝั่งฝันเจ้าฝันใฝ่  
ฝันให้ไกลสุดแรงแสวงหา
ดอกโสนเหลืองพรายที่ปลายนา 
ยังรอท่าคัดเค้าเจ้าคิดคืน
ว่าลุ่มน้ำลุ่มนี้ที่พำนัก  
เป็นที่รักที่หวังถึงวันชื่น
วันนี้กลางวันเป็นกลางคืน  
ตะไคร่ยังขมขื่นยังเขียวคาว
กลางวันจะเป็นกลางวันวันไหน 
หรือเป็นเพียงฝันไกลในคืนหนาว
ฟากฟ้าฝั่งฝันอันเหยียดดาว  
จะล่องเรือไปช้อนดาวได้เมื่อใด
ลุ่มน้ำวันนี้ยังนองน้ำ  
ยังชุ่มฉ่ำผักปลานาน้ำใส
อันสายธารขุ่นข้องหมองใจ  
มันไหลลึกลึกในอุรา...”

เขาเลือกแนวทางต่อสู้ที่เขาถนัด นั่นคือแนวรบทางศิลปะและวัฒนธรรม เราดีใจที่เขาเลือกเช่นนี้ เพราะเรากำลังทำสงครามทางความคิด ความเชื่อ และจิตใจ เรากำลังทำการรบกับความอ่อนแรงและยอมรับเสียแล้วต่อสภาพความเส็งเคร็งของสังคมไทย เนื่องจากถูกกระทำชำเรามานานหนักหนาจนเผลอไปว่าเขารัก วัฒน์ วรรลยางกูร มีความสำคัญมานานแล้วในแนวรบนี้ ดั่งที่ปรากฎในหน้าหนังสือเล่มนี้กับทุกตัวอักษร และจักมีความสำคัญยิ่งขึ้นไป โดยเฉพาะเมื่อสังคมไทยตาสว่างโล่งแจ้ง แต่ยังขาดแผนที่เดินทางอย่างขณะนี้...

“...ชาวนาเลี้ยงเป็ดมีไข่เป็ด  
ไม่มีเพชรทองคำเลอล้ำค่า
ไม่มีรางวี่รางวัลอันโอฬาร์  
อันเสริมสร้างศักดินากวีเลิศลอย
หวังว่ากวีย่อมเป็นกวี  
ปากกามีเขียนชัดถนัดถ้อย
เลิกเพ้อฝันลอยหรูอยู่หอคอย  
ประดิดประดอยถ้อยคำทำเล่นลวง
หวังว่ากวียังรักเราหมู่ชาวนา  
คนรากหญ้ารักกวีมิต้องห่วง
เพียงไข่เป็ดจากใจไม่เปล่ากลวง 
เลิกติดบ่วงทรราชขาดเสรี...”

เราพัฒนาประชาธิปไตยเมืองไทยต่อจากยุคสมัยที่เรียกกันว่า ขบวนการคนตุลา และ วัฒน์ วรรลยางกูร ก็คือสมาชิกผู้ทรงเกียรติคนหนึ่งของขบวนการนั้น แต่คำถามจากยุคสมัยนี้คือ “คนตุลา” ขณะนี้เหลือศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ที่แท้เหลืออยู่กี่คน ผมมั่นใจว่า หลายคนที่เคยรัก เคยหวัง และเคยใฝ่ฝัน วันนี้ต่างจบสิ้นลงไปแล้วอย่างสิ้นไร้ไม้ตอก หรือไม่ก็ใกล้อวสาน ในขณะที่ วัฒน์ วรรลยางกูร เพิ่งจะเริ่มต้นรอบใหม่ในชีวิต

ในฐานะคนเขียนกลอนที่มิใช่กวี ผมคงสรุปความเป็น วัฒน์ วรรลยางกูร เท่าที่ผมจะมีปัญญาได้อย่างนี้...

วัฒน์ วรรลยางกูร ตั้งศูนย์ล้อ
ไม่ใช่คลอ ไม่ใช่เคียง เข้าเสี่ยงสู้
เหนือครรลองมองชัดใครศัตรู
จึงเป็นผู้ รู้ ตื่น และเบิกบาน

มือจับงานวัฒนธรรมนำแนวรบ
รวมพล-กบนอกกะลา-มหาศาล
ระบอบชาติศาสตร์ไสยไม่ต้องการ
สร้างสายธารสะพานใหม่ใส่เสรี

คือกวีปราบกบฎคดโกงชาติ
แผ่อำนาจครอบงำย่ำศักดิ์ศรี
เสกอักษรร่วมผสมอารมณ์กวี
คืนความดี ความงาม และความจริง.


จักรภพ เพ็ญแข
นอกราชอาณาจักรไทย
วันพุธที่ ๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗


********************************************************************
สนใจหนังสือ ของกวีประชาธิปไตย 
สั่งซื้อได้ที่ ร้านจักรภพ (ทีพีนิวส์) 
ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 
โทร. 085-5049944
หรือสั่งซื้อทางเว็บไซด์ www.jakrapob.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น